วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2559

กติกาการเดิมพัน บาคาร่า

วิธีการเล่น ไพ่บาคาร่า คือ แจกไพ่ฝ่ายละ 2-3 ใบเพื่อนับผลรวมของแต้ม ผู้ที่ได้ผลรวมของแต้มดีกว่า แต่ไม่เกิน 9 จะเป็นฝ่ายชนะ แต่หากแต้มเสมอกัน จะมีการเรียกใบที่สามเพื่อนับผลรวมแล้วก็วัดผลแพ้ชนะกันอีกที

แต่ทั้งนี้ที่ดูจะต่างจากการเล่นไพ่ป็อกบ้านเราก็คือ จะมีการเปิดให้เดิมพันทายฝั่งที่ชนะ หรือ ทายผลเสมอได้ ผู้ที่ทายถูกจะได้รับผลตอบแทนตามที่ได้ลงเดิมพันไว้ ก็ถือได้ว่าเป็นเกมส์เดิมพันที่นิยมเล่นกันในคาสิโนถูกกฎหมาย ซึ่งก็มีหลากหลายประเทศที่นิยมเล่นไพ่ชนิดนี้กันในคาสิโน กระนั้นถึงแม้ว่าบาคาร่าจะเป็นเกมส์ไพ่ที่มีมานานแล้ว และจุดเริ่มต้นทำเพื่อความสนุกสนาน แต่เมื่อเวลาผ่านๆไปเกมส์ไพ่ชนิดนี้ก็ถูกเปลี่ยนจุดประสงค์ไป จากการเล่นเพื่อความสนุกสนาน ก็กลายเป็นการเล่นเพื่อเดิมพัน หรือ เล่นเพื่อพนันนั่นเอง

กติกาการเล่นบาคาร่า

บาคาร่า ที่นิยมเล่นกันในปัจจุบันตามบ่อนคาสิโนต่างๆ จะใช้ไพ่ 6 หรือ 8 สำรับ แต่ละสำรับมีไพ่ 52 ใบ รวมเป็นไพ่ทั้งหมด 312 – 416 ใบ ในการทายผลไพ่บาคาร่าจะแบ่งการเสี่ยงทายออกเป็น 2 ฝ่าย

คือ ฝ่าย “เพลเยอร์” (PLAYER) กับฝ่าย “แบงค์เกอร์” (BANKER)
โดยเริ่มต้นจะมีการจ่ายไพ่ให้ฝ่ายละ 2 ใบ รวมเป็น 4 ใบ
โดยไพ่ใบที่ 1 กับใบที่ 3 จะจ่ายให้ฝ่าย “เพลเยอร์” ส่วนไพ่ใบที่ 2 กับใบที่ 4 จะจ่ายให้ฝ่าย “แบงค์เกอร์” แต่ละฝ่ายจะจั่วไพ่ใบที่ 3 เพิ่มหรือไม่นั้นจะมีกฎ กติกา มากำกับ ถ้าฝ่ายใดมีแต้มรวมของไพ่ใกล้เคียง 9 มากที่สุดฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายชนะ แต้ถ้าแต้มทั้งสองฝ่ายเสมอกันจะคืนเงินเดิมพันให้กับผู้เล่น

โต๊ะบาคาร่า
โต๊ะบาค่าร่าโดยทั่วๆ ไปแล้วจะเปิดให้ผู้เล่นทายผลเดิมพันหลักๆ ด้วยกัน 3 รูปแบบ
คือ “PLAYER” , “BANKER” และ “TIE” แต่ก็มีบางบ่อนคาสิโนที่เปิดให้ทายผลเดิมพันมากกว่านั้น เช่น ทายผล “PLAYER PAIR” , “BANKER PAIR” , “BIG” , “SMALL” ฯลฯ โดยมีรายละเอียดการเดิมพันต่างๆ ดังนี้

การวางเดิมพัน                                         การเดิมพันไพ่บาคาร่า          
                                      ความหมาย                                                                       อัตราต่อรอง

PLAYER                     ทายว่าแต้มรวมไพ่ฝ่ายเพลเยอร์จะเป็นฝ่ายชนะ                         1 : 1
BANKER              ทายว่าแต้มรวมไพ่ฝ่ายแบงค์เกอร์จะเป็นฝ่ายชนะ                 1 : 0.95
TIE                              ทายว่าแต้มรวมของทั้งสองฝ่ายจะเสมอกัน                                 1 : 8
PLAYER PAIR     ทายว่าไพ่สองใบแรกฝ่ายเพลเยอร์จะออกไพ่คู่                         1 : 11
BANKER PAIR     ทายว่าไพ่สองใบแรกฝ่ายแบงค์เกอร์จะออกไพ่คู่                         1 : 11
PERFECT PAIR     ทายว่าไพ่สองใบแรกจะออกไพ่คู่ทั้งสองฝ่าย                         1 : 25
BIG                             ทายว่ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่ม 1 : 0.54
SMALL                    ทายว่าไม่มีฝ่ายใดจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่ม                                         1 : 1.5

หมายเหตุ

1. อัตราต่อร่อง เช่น 1 : 8 หมายความว่า แทง 1 ได้ 8 ไม่รวมทุน หรือ ถ้าวางเงินเดินพัน 1 หน่วย เมื่อทายถูกจะได้เงินชนะเดิมพัน 8 หน่วย ไม่ร่วมทุน

2. ไพ่คู่ (PAIR) หมายถึง ไพ่สองใบแรกที่อยู่ในฝ่ายเดียวกันและมีหน้าไพ่เหมือนกัน โดยจะเป็นไพ่ดอกสีอะไรก็ได้ (ไพ่คู่จะไม่นับไพ่ใบที่สามที่จั่วเพิ่มเข้ามา)

กฎการนับแต้ม ” ไพ่บาคาร่า “
การนับแต้มของไพ่บาคาร่า ให้นับโดยนำผลรวมของไพ่ทั้งหมดมารวมกัน โดยแต้มของไพ่จะมีค่าตั้งแต่ 0 – 9 แต้ม หากผลรวมของแต้มมากกว่า 9 ให้ใช้ตัวเลขตัวสุดท้ายเป็นแต้มของไพ่
ตัวอย่าง การนับแต้มไพ่บาคาร่า

กฎการจั่วไพ่ใบที่สาม
เนื่องจากฝ่ายเพลยเยอร์ได้รับการจ่ายไพ่ก่อน ในการจะจั่วไพ่ใบที่ 3 เพิ่มหรือไม่นั้นจึงต้องพิจารณาที่แต้มรวมไพ่สองใบแรกของฝ่ายเพลเยอร์ก่อน ว่ามีแต้มเป็นจำนวนเท่าไรแล้วจึงพิจารณาว่า จะอยู่ หรือ จะจั่วเพิ่ม ตามกฎ กติกาการจั่วไพ่ และหากฝ่ายเพลเยอร์มีการจั่วไพ่ใบที่ 3 เพิ่ม ให้ดูต่อไปว่าจั่วได้ไพ่อะไร จากนั้นจึงค่อยไปพิจารณาต่อว่าฝ่ายแบงค์เกอร์จะจั่วไพ่เพิ่มหรือไม่ โดยมีรายละเอียดปีกย่อย ดังนี้

กฎการจั่วไพ่ใบที่สามของเพลเยอร์

แต้มรวมไพ่สองใบแรกของเพลเยอร์             การจั่วไพ่ใบที่สาม
0, 1, 2, 3, 4, 5                                              จั่วเพิ่ม
6, 7                                                              อยู่ (ไม่จั่วเพิ่ม)
8, 9                                                             ไพ่ป๊อก (ไม่จั่วเพิ่ม)

กฎการจั่วไพ่ใบที่สามของแบงค์เกอร์
ถ้าเพลเยอร์จั่วไพ่ใบที่สามได้ไพ่ที่มีแต้มดังต่อไปนี้ ฝ่ายแบงค์เกอร์ต้องจั่วไพ่เพิ่ม  
                                                    ถ้าเพลเยอร์จั่วไพ่ใบที่สามได้ไพ่ที่มีแต้มดังต่อไปนี้ ฝ่ายแบงค์เกอร์ไม่ต้องจั่วไพ่เพิ่ม
3 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 9, 0    8
4 2, 3, 4, 5, 6, 7                     1, 8, 9, 0
5 4, 5, 6, 7                              1, 2, 3, 8, 9, 0
6 6, 7                                      1, 2, 3, 4, 5, 8, 9, 0
7                                       อยู่ (ไม่จั่วเพิ่ม)
8, 9                                       ไพ่ป๊อก (ไม่จั่วเพิ่ม)

ข้อสังเกต

1. ถ้าฝ่ายเพลเยอร์ ได้แต้มรวมไพ่สองใบแรกตั้งแต่ 0-5 แต้ม จะต้องจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่มเสมอ แต่ถ้าได้แต้มตั้งแต่ 6 แต้มขึ้นไปจะอยู่ ไม่มีการจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่ม

2. แม้ฝ่ายแบงค์เกอร์จะมีแต้มรวมของไพ่สองใบแรกเพียง 3 แต้ม แต่ถ้าฝ่ายเพลเยอร์ จั่วไพ่ใบที่สามได้ 8 ไม่ว่าแต้มรวมไพ่ทั้งหมดจะเป็นเท่าไร่ก็ตามฝ่ายแบงค์เกอร์ จะไม่มีการจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่ม ซึ่งต่างจากการเล่นไพ่ป๊อกเด้งตามบ้านเรา ที่แต่ละฝ่ายจะอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมีแต้มรวมตั้งแต่ 4 แต้มขึ้นไป

3. แม้ฝ่ายแบงค์เกอร์จะมีแต้มรวมไพ่สองใบแรกสูงถึง 6 แต้ม แต้ถ้าฝ่ายเพลเยอร์ จั่วไพ่ใบที่สามได้ 6 หรือ 7 ไม่ว่าแต้มรวมไพ่ทั้งหมดจะเป็นเท่าไร่ก็ตามฝ่ายแบงค์เกอร์จะต้องจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่มเสมอ

4. เมื่อผู้เล่นเข้าใจกฎการจั่วไพ่ของฝ่ายเพลเยอร์ดีแล้ว กรณีการจั่วไพ่ของฝ่ายแบงค์เกอร์ที่มีกฎการจั่วไพ่ที่ค่อนข้างซับซ้อน ตารางต่อไปนี้จะช่วยให้เราจดจำกฎการจั่วไพ่ดังกล่าวได้ง่ายยิ่งขึ้น